บทที่5 เอกภพ

เอกภพวิทยาในอดีต
นักปราชญ์ในอดีตรู้จัดเอกภพมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันตามความเชื่อและความสามารถในการสังเกต จินตนาการ โดยแนวความคิดต่างๆ  จะรวมเรียกว่า แบบจำลองเอกภพ
1.            แบบจำลองเอกภพของชาวสุเมเรียนและแบบจำลองเอกภพของชาวบาบิโลน
   

     

                
ชาวสุเมเรียนบันทึกตำแหน่งของดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ โดยมีโลกแบนอยู่กับที่และเป็นศูนย์กลางของการเคลื่อนที่ทั้งหมดพร้อมกับมีการตั้งชื่อกลุ่มคาวหลายกลุ่มในท่องฟ้า และได้อธิบายการเคลื่อนที่ของดาวต่างๆ ตามความเชื่อที่ว่าเทพเจ้าปกครองโลก ท้องฟ้าและแหล่งน้ำบันดาลให้เป็นไป ชาวบาบิโดลนอาศัยพื้นฐานของชาวสุเมเรียนมาใช้ในการอธิบายการเคลื่อนที่ของดาวฤกษ์และการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลบนโลกได้อย่างถูกต้อง
2. แบบจำลองเอกภพของกรีกชาวกรีก
ได้ประยุกต์ความรู้ทางคณิตศาสตร์ในเรื่องจำนวนและเรขาคณิตในการพัฒนาแบบจำลองเอกภพ “อริส โตเติล” เป็นชาวกรีกคนแรกที่พบว่า โลกมีลักษณะเป็นทรงกลม นอกจากนี้ อริส ตาร์คัส” เป็นบุคคลแรกที่ระบุว่า โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นจุดศูนย์กลาง และโลกจะโคจรครบรอบ1 ปี ในเวลา 1 ปี ทำให้แบบจำลองของชาวกรีกมีลักษณะที่อธิบายได้ทางเรขาคณิต
3.แบบจำลองเอกภพของเคพเลอร์
ไทโค บราเฮ (Tycho Brahe, ค.ศ.1546 – ค.ศ.1601) นักดาราศาสตร์ชาวฮอลแลนด์ได้ทำการสังเกตการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ต่างๆและจดบันทึกตำแหน่งอย่างละเอียดทุกวันเป็นเวลานับสิบปี ผลจากการสังเกตของเขานี้ทำให้เขาไม่เชื่อในคำอธิบายการโคจรของดาวเคราะห์ต่างรอบดวงอาทิตย์ของโคเปร์นิคัสที่ว่าดาวเคราะห์ต่างๆเคลื่อนที่รอบๆดวงอาทิตย์เป็นรูปวงกลมสมบูรณ์แบบ แต่ผลงานการสังเกตการณ์และสรุปผลนี้ยังไม่เป็นผลสำเร็จเขาก็ได้มาเสียชีวิตไปเสียก่อน แต่อย่างไรก็ตามเขาได้มอบบันทึกของการสังเกตนี้ให้แก่ผู้ช่วยของเขาซึ่งเป็นชาวเยอรมัน คือ โยฮัน เคปเลอร์ (Johannes Kepler, ค.ศ. – ค.ศ. )” ดังนั้นจึงทำให้เคปเลอร์ได้ทำการสังเกตการณ์เพิ่มเติมแล้วจึงได้ตั้งแบบจำลองเอกภพที่ได้อธิบายการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ต่างๆเอาไว้ว่า
            ดวงอาทิตย์ยังคงเป็นจุดศูนย์กลางการเคลื่อนที่ของระบบโดยที่ดาวฤกษ์ต่างๆจะอยู่ในตำแหน่งประจำที่ ส่วนดาวเคราะห์ต่างๆจะโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นรูปวงรีไม่ใช่วงโคจรรูปวงกลมสมบูรณืแบบดังที่แสดงอยู่ในแบบจำลองของโคเปอร์นิคัส และดวงอาทิตย์จะตั้งอยู่ที่จุดโฟกัสจุดหนึ่งของวงโคจรรูปวงรีนั้น นอกจากนั้นเคปเลอร์ยังพบว่าการอธิบายข้อมูลของไทโคบราเฮด้วยแบบจำลองของเขาจะมีความถูกต้องแม่นยำต่อข้อมูลมากกว่าการอธิบายด้วยแบบจำลองของโคเปอร์นิคัสด้วย
4. แบบจำลองเอกภพของกาลิเลโอ


       
กาลิเลโอเป็นชาวอิตาลี เป็นคนแรกที่ได้ใช้กล้องโทรทัศน์ เพื่อการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ แบบจำลองของกาลิเลโอเชื่อว่า ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ โดยมีดาวเคราะห์ต่างๆ เคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์เป็นวงกลม แบบจำลองของเขาเป็นแบบจำลองที่มีขนาดไม่จำกัด ซึ่งเชื่อว่ายังมีวัตถุอื่นที่อยู่ไกลกว่าดาวเสาร์ ต่อมา เซอร์ ไอแซก นิวตัน ค้นพบว่า ลักษณะการโคจรของดาวเคราะห์เกิดจากผลของแรงโน้ม ทำให้ปัจจุบันนักดาราศาสตร์ยอมรับกฎการเคลื่อนที่ดาวเคราะห์ 3 ข้อ ของเคปเลอร์



กาแล็กซี่

        กาแล็กซี (GALAXY)   คือ ระบบที่กว้างใหญ่ไพศาล ประกอบด้วยดาวฤกษ์ กระจุกดาวฤกษ์
 ดาวเคราะห์และบริวารดาวเคราะห์  ดาวหาง อุกกาบาต ก๊าซและฝุ่นผงที่เรียกว่า เนบิวลา รวมกันอยู่ภายใต้ระบบเดียวกัน เพราะมีแรงโน้มถ่วงซึ่งกันและกัน  เอกภพมีกาแล็กซีหรือดาราจักรประมาณหนึ่งแสนล้านกาแล็กซี่

ประเภทของกาแล็กซี                                                                                                                                
             กาแล็กซี แบ่งได้หลายประเภทขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะที่ถูกนำมาเป็นเกณฑ์ใ
นการกำหนดประเภทของกาแล็กซี ตัวอย่างลักษณะเฉพาะที่ถูกนำมาใช้ในการแบ่งประเภท เ
ช่น แบ่งตามรูปร่าง ตามโครงสร้าง ตามการเกาะกลุ่ม หรือการกระจายของส่วนประกอบของกาแล็กซี 
ตามสเปกตรัม ตามสี ตามความส่องสว่าง ( Luminosity )  ตามชนิดของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 
( เช่น คลื่นวิทยุ รังสีอินฟราเรด รังสีเอกซ์ ฯลฯ ) แต่ระบบการแบ่งประเภทของกาแล็กซี 
ที่ใช้กันมาก เป็นระบบที่ เอ็ดวิน ฮับเบิล  ( Edwin Hubble ) กำหนดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 1925 
ได้รับการปรับปรุงมาบ้าง เป็นระบบที่จัดประเภทของกาแล็กซีตามความแตกต่างของ
รูปร่างลักษณะของกาแล็กซี และก็ยังเป็นระบบที่ใช้กันมากอยู่ในปัจจุบัน ได้แบ่งกาแล็กซีออกเป็น
 ประเภทคือ
 (1) กาแล็กซีรูปเกลียวหรือรูปกังหัน Spiral Galaxy    มีลักษณะโดยทั่ว ๆ ไป แบนคล้าย
จานนูนตรงกลางทั้งสองด้าน เหมือนไข่ดาวสองฟองประกบกัน และมักจะมีแขนเป็นวงโค้ง
แผ่ออกมาจากใจกลางกาแล็กซี กาแล็กซีรูปเกลียวบางชนิด จะมีแถบสว่างหรือมืด 
มีลักษณะคล้ายคานพาดใจกลางอยู่ด้วย สำหรับกาแล็กซีที่มีส่วนเป็นแถบ คล้ายคานพาด
กลางกาแล็กซี มักจะถูกเรียกชื่อแยกต่างหากออกไปอีกเป็น กาแล็กซีคาน หรือ 
Barred Galaxy หรือเรียกเต็มชื่อของส่วนเป็นเกลียวด้วย คือ กาแล็กซีคานรูปเกลียว 
หรือ Barred , Spiral Galaxy ตัวอย่างของกาแล็กซีรูปเกลียวใกล้ตัวมนุษย์ที่สุด คือ 
กาแล็กซีทางช้างเผือก ( Milky Way ) ของเราเอง และกาแล็กซีแอนโดรมีดา
  (2) กาแล็กซีรูปกลมรี(Elliptical Galaxies)  เป็นกาแล็กซีที่มีลักษณะความสมดุลทางรูปร่าง
สูง มีทั้งชนิดที่แบนมาก แบนน้อย กลมมาก หรือค่อนไปทางรีมาก บางชนิดก็มีรูปร่าง
ลักษณะเกือบเป็นลูกทรงกลมทีเดียว ตัวอย่างของกาแล็กซีรูปกลมรี คือ กาแล็กซีขนาดเล็ก
ที่อยู่ใกล้ ๆ กับกาแล็กซีแอนโดรมีดาสองกาแล็กซี เช่น  กาแล็กซี  M32 
  (3) กาแล็กซีไร้รูปร่าง (Irregular Galaxies)   เป็นกาแล็กซีชนิดไม่มีรูปแบบแน่นอน 
มีลักษณะแตกต่างกันไปอย่างไม่เป็นระเบียบ ไม่มีรูปร่างเป็นรูปทรงแบบใดเลย
 มักจะเป็นกาแล็กซีที่มีขนาดเล็กไม่สว่างมากนัก  เช่น   การแล็กซีแมกเจลแลนใหญj
   ส่วนใหญ่เป็นกาแล็กซีรูปกลมรี มีอยู่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เป็นกาแล็กซีรูปเกลียประมาณ                  30 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นกาแล็กซีไร้รูปร่าง 



 
กาแล็กซีรูปเกลียวหรือรูปกังหัน 

  




                                                       
กาแล็กซีรูปกลมรี     
  
 

กาแล็กซีไร้รูปร่าง 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หน้าแรก